เพลงบทสวดเมตตาใหญ่ (พิสดาร)

48 Views
Đại Nguyện Nguyện 18 trong 48 Đại Nguyện của Phật A Di Đà : Nếu con được thành Phật, mà chúng sanh trong mười phương dốc lòng tin tưởng, muốn sanh về cõi nước con chỉ trong mười niệm, nếu không được toại nguyện, thì con chẳng trụ ở Ngôi Chánh Giác, trừ kẻ phạm năm tội nghịch và gièm chê Chánh Pháp. Nam Mô Pháp Giới Tạng Thân A Di Đà Phật Lời Khuyên Tịnh Độ (Ấn Quang Đại Sư) “ Ấn Quang từ Tây qua Ðông, từ Bắc xuống Nam, qua lại hơn vạn dặm, gặp gỡ nhiều người. Trong số đó, lắm kẻ bình nhật tự vỗ ngực là bậc thông Tông, thông Giáo, coi Tịnh Ðộ như uế vật, chỉ sợ nó làm bẩn lây đến mình. Lúc lâm chung, đa số chân loạn tay cuống, kêu cha gào mẹ. Trong số ấy, có những người trì giới niệm Phật già giặn, chắc thật, dù Tín Nguyện chưa đến mức cùng cực, tướng lành chẳng hiện, nhưng đều an nhiên mạng chung. Vì sao như vậy? Là vì tâm thuỷ trong lặng, do phân biệt nên xao động, đục ngầu, sóng thức trào dâng. Do Phật hiệu nên tâm thuỷ ngưng lặng. Bởi thế, kẻ thượng trí chẳng bằng kẻ hạ ngu, biến quá khéo thành vụng về lớn vậy!”
Published
เพลงบทสวดเมตตาใหญ่ พิสดาร

พระคาถาเมตตาใหญ่พิสดาร
อ.เสริมศิลป์ ขอนวงค์ กลุ่มแสงธรรมประทีป เจโตวิมุตติ

จากบทเดิมที่หลายท่านทราบว่ามาจาก เทวดาพา "แม่ชีก้อนทอง ปานเณร" สวดทุกคืน และ "หลวงพ่อจรัญ" ท่านไปเสาะหาต้นฉบับที่วัดมหาธาตุ แต่ไม่พบ จึงไปสอบถามเจ้าคุณท่านหนึ่งที่วัดสุทัศน์ มีแต่เฉพาะบทเมตตาเท่านั้น ในส่วนฉบับจริงและเต็ม ๆ นั้นมี ทั้ง เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ยาวมากๆ สวดครั้งละ ๓ - ๔ ชั่วโมง (รวมบทแปลด้วย) จาก วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม "หลวงพ่อเมตตาหลวง"

ได้สอบถามที่มาของ พระคาถาเมตตาใหญ่พิสดาร อาจารย์เล่าให้ฟังว่า อาจารย์รู้จักบทนี้มาหลายปีค่ะ ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๙ ในงานศพหลวงปู่แหวน เนื่องการรถไฟรับเป็นเจ้าภาพอาหารในงานศพ ขณะที่ช่วยงานนั้น หลวงปู่เมตตาหลวง ก็เรียกอาจารย์เข้าไปหา แล้วก็มอบหนังสือสวดมนต์เล่มเล็ก ๆ ให้

“เอ้า! ไอ้หนุ่มเอานี่ไปสวด”

เป็นหนังสือพระคาถาเมตตาหลวงเล่มเล็ก ๆ แต่เมื่ออาจารย์เห็น ก็ไม่อยากสวดเพราะยาวมาก อาจารย์ขณะนั้นสวดมนต์ไม่เก่งอย่างนี้ค่ะ จึงไม่ได้สวด จนกระทั่งมาปี พ.ศ.2545 ก้มีคนนำบทสวดมนต์นี้มาให้ดูแต่เป็น บทเมตตาอย่างเดียว เป็นหนังสือทีจัดพิมพ์เพื่อแจกที่วัดอัมพวัน ค่ะ

อาจารย์ก็เริ่มสนใจที่จะสวดมนต์บทนี้ ก็หัดสวด แรก ๆ นั้นอาจารย์สวดแบบอ่าน ไม่ได้ใส่ทำนอง และไม่สวดเร็วเป็นจังหวะหนักแน่นอย่างปัจจุบัน จนกระทั่งมีสิ่งมาดลใจให้สวดมนต์เป็นทำนอง จังหวะ และเร็วขึ้น อย่างที่สวดในปัจจุบัน อาจารย์จะเน้นให้สวดอย่างมีสติ มีสมาธิ และสวดอย่างนอบน้อมศรัทธาต่อพระพุทธองค์

และเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๔๘ อาจารย์ได้ไปเจอบทสวดมนต์แผ่เมตตาแบบละเอียดในชั้นภพต่าง ๆ ที่วัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง เป็นบทแผ่เมตตาของครูเจ้าท่านหนึ่ง อาจารย์เห็นว่าละเอียด จึงนำมารวมกับบทเมตตาใหญ่ เพิ่มในส่วน ของโอทิศ คือ บทเฉพาะเจาะจงเป็นส่วนว่าหญิงชายเพิ่มเข้าไปอีก ขออธิบายอย่างคร่าว ๆ ดังนี้

บทสวดเมตตาใหญ่ แบบพิสดาร จำนวนบุคคลที่แผ่เมตตาให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น

เดิมที่มีอยู่
(๑) อิตถิโย = ผู้หญิง (๒) ปุริสา =ผู้ชาย (๓) อะริยา =พระอริยะ (๔) อะนะริยา = ปุถุชน
(๕) เทวา = เทวดา (๕) มนุสสา = มนุษย์ (๖) วินิปาติกา = ผู้มีอัตตภาพ

ในส่วนพิสดารได้เพิ่มบท โอทิศ หรือ บทเฉพาะเจาะจงเป็นส่วนว่าหญิงชาย คือ เพิ่มชนิดและแยกชั้นของเทวดา ชั้นของภพเบื้องล่างให้ละเอียดมากขึ้น ไปอีก ๓๑ ประเภท (สีน้ำเงินคือส่วนที่เพิ่มขึ้นมา)( สีแดงคือของเดิม )

(๑) อิตถิโย = ผู้หญิง (๒) ปุริสา =ผู้ชาย (๓) อะริยา =พระอริยะ (๔) อะนะริยา = ปุถุชน

(๕) จาตุมมหาราชิกาเทวา = เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกา
(๖) ตาวะติงสาเทวา = เทวดาชั้นดาวดึงส์
(๗) ยามาเทวา = เทวดาชั้นยามา
(๘) ตุสิตาเทวา = เทวดาชั้นดุสิต
(๙) นิมมานะระตีเทวา = เทวดาชั้นนิมมานะระดี
(๑๐) ปะระนิมมิตะวะสะวัตตีเทวา = เทวดาชั้นปะระนิมมิตะวะสะวัตตี
(๑๑) อินทา
(๑๒) พรหมา
(๑๓) จตุโลกะปาลา (๑๔) ยมมะราชา (๑๕) ยะมะปาลา (๑๖) สิริคุตตะระอะมัจจา =สิริคุตตะระอำมาตย์

(๑๗) ยักษา (๑๘) ยักษี (๑๙) กุมภัณฑา
(๒๐) ครุทธา (๒๑) กินนรา (๒๒) กินนะรี (๒๓) นาคา (๒๔) นาคี
(๒๕) มนุสสา = มนุษย์ (๒๖) อะมะนุสสา (๒๗) วิริยะปาติกา (๒๘) มิตตา (๒๙) อมิตตา (๓๐) มัชฌะตา = ผู้เป็นกลาง ๆ

(๓๑) ติรัจฉา (๓๒) เปติกา (๓๓) เปตา (๓๔) อสุระกายา (๓๕) เปตาวัตถุโย (๓๖) เปตวิเสยยา (๓๗) วินิปาติกา = ผู้มีอัตตภาพ

อาจารย์เสริมศิลป์ได้นำบทพิสดารมาให้ คุณพัทธยา รวบรวมเรียบเรียง และ มีพระครูศรีธรรมวิภัช สุนฺทรธมฺโม (พระมหาบุญมั่น : เปรียญ ๗ ประโยค) เจ้าอาวาสวัดห้วยหม้าย อ.สอง จ.แพร่ ตรวจสอบไวยกรณ์อีกครั้ง จนมาเป็นบทสวด "พระคาถาเมตตาใหญ่พิสดาร" ในปัจจุบันค่ะ

อานิสงส์ : ถ้าท่านสวด ณ ที่ใด จะสามารถป้องกันภัยธรรมชาติ ณ บ้านนั้น ตำบลนั้น อำเภอนั้น (ถ้าสวดกันทั้งหมู่บ้านจักป้องกันภัยธรรมชาติได้)
ถ้าผู้สวดเป็นผู้มีกำลังสมาธิปานกลางก็สามารถส่งกำลังเมตตา ได้มากถึง ๑ โยชน์ (๑๖ กิโล) ไปทุกทิศ
ถ้าผู้สวดเป็นผู้มีกำลังสมาธิมากก็สามารถส่งกำลังเมตตา ได้ถึงชั้นเทวดา และชั้นภพเบื้องล่าง ได้
----------------------
Category
Buddhist music